
เรื่องสุดช็อกจาก “อ้อม ปิยะดา” เกือบตกเป็นเหยื่อลักพาตัวตั้งแต่เด็กๆ!
เรื่องราวในวัยเด็กของ “อ้อม ปิยะดา” ที่เพิ่งทำให้หลายๆ คนแปลกใจและเสียใจ อ้อม ปิยะดา นักแสดงชื่อดังจากความสำเร็จในหน้าที่การงานและภาพลักษณ์เชิงบวก เปิดใจเกี่ยวกับความทรงจำอันดำมืดในวัยเด็กของเธอ เมื่อเธอเกือบตกเป็นเหยื่อของการลักพาตัว เธอเล่าด้วยน้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ว่าตอนที่เธอยังเป็นเด็กไร้เดียงสา เธอเผชิญกับสถานการณ์อันตรายซึ่งเธอไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดในขณะนั้น เรื่องราวของ Om ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ชมตกใจเท่านั้น แต่ยังเป็นคำเตือนสำหรับผู้ที่เป็นพ่อแม่เกี่ยวกับการปกป้องลูกๆ ของตนจากอันตรายที่ซ่อนอยู่อีกด้วย ผ่านเรื่องราวของเธอ ทุกคนสามารถรู้สึกได้ว่าแม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ความกลัวจากเหตุการณ์นั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยให้เธอแข็งแกร่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็หล่อหลอมให้เป็นคนที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่ที่เธอกลายเป็นทุกวันนี้ การแบ่งปันของ Om ช่วยให้แฟนๆ เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับอีกแง่มุมหนึ่งของชีวิตของเธอ นอกเหนือจากความรุ่งโรจน์บนเวที…

ตามกันต่อ กรณีทนายตั้ม กับเงิน 71 ล้านบาท จาก “เจ๊อ้อย” ขณะเดียวกันยังมีกรณีคดีคุณแตงโม เข้ามาผสมด้วย
คดีทนายตั้มและเงิน 71 ล้านบาทจาก “เจ๊อ้อย” ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก นี่ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยและน่าทึ่งยิ่งกว่านั้นเมื่อเกี่ยวข้องกับนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในโลกกฎหมาย จำนวนเงิน 71 ล้านบาทนี้ ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของการทำธุรกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา ทำให้หลายคนสงสัยและตั้งคำถาม แม้ว่าคดีนี้ยังไม่ยุติ แต่อีกคดีที่เกี่ยวข้องกับคุณแตงโมก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คุณแตงโมผู้มีอิทธิพลในโลกธุรกิจถูกผลักดันให้กลายเป็นศูนย์กลางของการโต้เถียงเรื่องผลประโยชน์และความขัดแย้งภายใน เหตุการณ์ทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดภาพที่ซับซ้อนพร้อมรายละเอียดที่เกี่ยวพันกัน ทำให้คนทั่วไปยิ่งอยากรู้อยากเห็นและอยากรู้ความจริงเบื้องหลัง ด้วยความซับซ้อนและความรุนแรงของแต่ละกรณี หลายคนหวังว่าทั้งสองกรณีจะได้รับการจัดการอย่างยุติธรรมและโปร่งใส คดีทนายตั้ม และเจย์อ้อย พร้อมด้วยคุณแตงโม กลายเป็นประเด็นร้อน ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับจริยธรรม…

“ซี ศิวัฒน์” เดือดจัด! โฆษณาไอโฟนเหยียดคนไทย ลั่น “Ku ไม่ขำ”
“ซี ศิวัช” บุคคลดังในโซเชียลเน็ตเวิร์กไทย อดไม่ได้ที่จะโกรธ เมื่อเห็นโฆษณาไอโฟนอันเป็นที่ถกเถียงที่เพิ่งเผยแพร่ ศิวัตรบอก โฆษณานี้แสดงให้เห็นสัญญาณของการเลือกปฏิบัติต่อคนไทย ทำให้เขาและคนอื่นๆ อีกหลายคนรู้สึกขุ่นเคือง ในโพสต์แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ศิวัตรวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่าโฆษณานี้ไม่เพียงแต่ขาดความเคารพ แต่ยังใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบอกเป็นนัยว่า “คนไทยไม่ตลก” คำกล่าวของศิวัตรดึงดูดความสนใจอย่างรวดเร็วและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผู้ใช้หลายคนเห็นด้วยกับเขาโดยบอกว่าโฆษณานี้ดูเหมือนจะไม่เข้าใจหรือเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของคนไทย ศิวัตรเน้นย้ำว่าคนไทยมีอารมณ์ขันที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่ควรตัดสินอารมณ์ขันจากภายนอกเพียงด้านเดียว เรื่องราวนี้ได้จุดประกายให้เกิดข้อโต้แย้งว่าบางครั้งแบรนด์ต่างประเทศอาจไม่เข้าใจตลาดท้องถิ่นอย่างถ่องแท้ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจผิดที่โชคร้าย ปฏิกิริยาของศิวัตรและชุมชนออนไลน์ของไทยเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับแบรนด์ที่เคารพและเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในแคมเปญโฆษณา